MEXC เอ็กซ์เชนจ์/เรียนรู้/คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น/ฟิวเจอร์ส/คำอธิบายคำศัพท์ในหน้าเทรดฟิวเจอร์ส

คำอธิบายคำศัพท์ในหน้าเทรดฟิวเจอร์ส

บทความที่เกี่ยวข้อง
16 กรกฎาคม 2025MEXC
0m
แชร์ไปที่

สำหรับมือใหม่ การเทรดฟิวเจอร์สอาจดูซับซ้อนกว่าการเทรดสปอต เนื่องจากมีคำศัพท์เฉพาะทางมากมายที่ต้องทำความเข้าใจ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานหน้าใหม่สามารถเรียนรู้และเข้าใจการเทรดฟิวเจอร์สได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะมาอธิบายความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนหน้าการเทรดฟิวเจอร์สของ MEXC

เราจะพาไปรู้จักคำศัพท์เหล่านี้ตามลำดับที่ปรากฏจากซ้ายไปขวา เพื่อให้เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้งานได้จริงบนแพลตฟอร์ม


1. คำศัพท์เหนือกราฟ K-line:


ถาวร (Perpetual): คำว่า "Perpetual" หมายถึงความต่อเนื่องหรือไม่มีวันสิ้นสุด โดยคำนี้มักพบได้บ่อยในคำว่า "สัญญาฟิวเจอร์สถาวร" ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของสัญญาฟิวเจอร์สที่พัฒนามาจากสัญญาฟิวเจอร์สในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ความแตกต่างที่สำคัญคือ สัญญาฟิวเจอร์สถาวรไม่มีวันชำระราคา หรือวันหมดอายุที่กำหนดไว้แน่นอน ซึ่งหมายความว่า ตราบใดที่ผู้ใช้งานยังไม่ได้ปิดโพซิชั่นเอง หรือไม่ได้ถูกปิดโดยระบบจากการถูกบังคับขาย โพซิชั่นนั้นจะยังคงเปิดอยู่ต่อไปได้อย่างไม่มีกำหนด จุดเด่นนี้ทำให้สัญญาถาวรได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดคริปโตที่ต้องการความยืดหยุ่นในการถือโพซิชั่นระยะยาว หรือใช้กลยุทธ์เทรดที่ไม่จำกัดกรอบเวลา

ราคาดัชนี (Index Price):ราคากลางที่ได้จากการอ้างอิงราคาของเหรียญจากตลาดเทรดหลักหลายแห่ง แล้วนำมาคำนวณเป็นค่าเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก เพื่อสะท้อนภาพรวมของราคาตลาดที่แม่นยำมากขึ้น สำหรับราคาดัชนีที่แสดงอยู่บนหน้าการเทรดในขณะนี้ คือราคาดัชนีของ MX ซึ่งใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงในการคำนวณต่าง ๆ ภายในระบบฟิวเจอร์ส

ราคายุติธรรม (Fair Price): ราคายุติธรรมคือราคาฟิวเจอร์สที่คำนวณแบบเรียลไทม์ โดยอิงจากราคาดัชนีและราคาตลาด เพื่อนำมาใช้ในการคำนวณกำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิดของโพซิชั่น รวมถึงใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินว่าโพซิชั่นจะถูกบังคับปิดหรือไม่ ราคานี้อาจมีความแตกต่างจากราคาล่าสุดของฟิวเจอร์ส เพื่อป้องกันการปั่นราคาหรือการบิดเบือนราคาภายในตลาด ทำให้ระบบสามารถรักษาความยุติธรรมในการเทรดได้ดียิ่งขึ้น

อัตราค่าธรรมเนียม/นับถอยหลัง (Funding Rate/Countdown): แสดงอัตราค่าธรรมเนียมระหว่างผู้ถือโพซิชั่นในรอบปัจจุบัน โดยอัตรานี้จะมีผลต่อการชำระค่าธรรมเนียมระหว่างผู้ถือโพซิชั่น Long และ Short หากอัตราเป็นบวก ผู้ที่ถือโพซิชั่น Long จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับผู้ที่ถือโพซิชั่น Short แต่หากอัตราเป็นลบ ผู้ที่ถือโพซิชั่น Short จะเป็นฝ่ายจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับผู้ที่ถือโพซิชั่น Long ระบบจะมีการนับถอยหลังบอกช่วงเวลาที่จะมีการคิดค่าธรรมเนียมรอบถัดไป เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถวางแผนการถือโพซิชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ


2. คำศัพท์ในพื้นที่สมุดคำสั่งซื้อขาย:


สมุดคำสั่งซื้อขาย (Order Book): หน้าต่างที่ใช้สังเกตแนวโน้มของตลาดในระหว่างการเทรด ในพื้นที่นี้ ผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลการซื้อขายแต่ละรายการ อัตราส่วนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และข้อมูลอื่น ๆ ที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น


3. คำศัพท์ในพื้นที่การเทรด:


เปิดและปิด (Open and Close): เมื่อคุณวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและกรอกราคาพร้อมปริมาณที่ต้องการซื้อขาย คุณสามารถเลือกเปิดโพซิชั่น Long หรือ Short ได้ หากคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น ให้เปิดโพซิชั่น Long แต่หากคาดว่าราคาจะลดลง ให้เปิดโพซิชั่น Short เมื่อคุณขายสัญญาที่คุณซื้อไว้ จะถือว่าเป็นการปิดโพซิชั่น หากคุณเปิดโพซิชั่นโดยซื้อสัญญาไว้และยังไม่ได้ปิด นั่นเรียกว่าการถือโพซิชั่น คุณสามารถดูโพซิชั่นที่ถืออยู่ได้โดยคลิกที่ [เปิดโพซิชั่น] ด้านล่างหน้าจอ

เปิด Long: เมื่อคุณคาดว่าราคาโทเค็นจะเพิ่มขึ้นในอนาคต และทำการเปิดโพซิชั่นตามแนวโน้มนั้น จะเรียกว่าเปิดโพซิชั่น Long

เปิด Short: เมื่อคุณคาดว่าราคาโทเค็นจะลดลงในอนาคต และทำการเปิดโพซิชั่นตามแนวโน้มนั้น จะเรียกว่าเปิดโพซิชั่น Short

มาร์จิ้นและโหมดมาร์จิ้น (Margin and Margin Mode): ผู้ใช้สามารถทำการเทรดฟิวเจอร์สได้หลังจากวางเงินทุนบางส่วนเป็นหลักประกัน ซึ่งเรียกว่า "มาร์จิ้น" โดยโหมดของมาร์จิ้นแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ โหมดมาร์จิ้นแยก (Isolated) และ โหมดมาร์จิ้นร่วม (Cross)

โหมดแยก (Isolated): ในโหมดนี้ จะมีการจัดสรรมาร์จิ้นเฉพาะให้กับแต่ละโพซิชั่น หากมาร์จิ้นในโพซิชั่นนั้นลดลงต่ำกว่ามาร์จิ้นขั้นต่ำที่ต้องรักษาระดับไว้ ระบบจะทำการปิดโพซิชั่นโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเลือกเพิ่มหรือลดมาร์จิ้นในโพซิชั่นนั้นได้

โหมดร่วม (Cross): ในโหมดนี้ โพซิชั่นทั้งหมดจะใช้มาร์จิ้นร่วมจากสินทรัพย์เดียวกัน หากเกิดการบังคับปิดโพซิชั่น ผู้ใช้อาจสูญเสียมาร์จิ้นทั้งหมดรวมถึงโพซิชั่นอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้มาร์จิ้นร่วมของสินทรัพย์นั้น

ประเภทคำสั่งซื้อขาย (Order Type): แบ่งออกเป็น คำสั่งลิมิต คำสั่งตลาด คำสั่งทริกเกอร์ คำสั่งติดตามราคา และคำสั่งโพสต์โอนลี่

ลิมิต (Limit): คำสั่งซื้อหรือขายในราคาที่กำหนดไว้หรือดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าจะถูกดำเนินการเสมอไป

ตลาด (Market): คำสั่งซื้อหรือขายทันทีในราคาที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น

ทริกเกอร์ (Trigger): ผู้ใช้สามารถตั้งราคาทริกเกอร์ ราคาสั่งซื้อ และปริมาณล่วงหน้า เมื่อราคาตลาดแตะราคาทริกเกอร์ ระบบจะส่งคำสั่งเข้าสู่ตลาดโดยอัตโนมัติ ก่อนที่คำสั่งจะถูกทริกเกอร์ โพซิชั่นหรือมาร์จิ้นจะยังไม่ถูกล็อก

ติดตามราคา (Trailing Stop): คำสั่งซื้อขายตามกลยุทธ์เมื่อเกิดการย่อตัวของราคา โดยระบบจะคำนวณราคาทริกเกอร์จริงตามความผันผวน เช่น ราคาสูงสุด/ต่ำสุด ± ระยะห่าง หรือ ราคาสูงสุด/ต่ำสุด × (1 ± ระยะห่าง) ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถตั้งราคาที่จะให้คำสั่งมีผลก่อนที่ราคาทริกเกอร์จะถูกคำนวณ

โพสต์โอนลี่ (Post Only): คำสั่งแบบนี้จะไม่ถูกดำเนินการทันที เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะทำหน้าที่เป็นผู้เสนอราคา (Maker) เสมอ หากคำสั่งนั้นมีแนวโน้มว่าจะถูกจับคู่ทันที จะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ

TP/SL: คำสั่ง TP/SL คือคำสั่งที่มีเงื่อนไขทริกเกอร์ที่ตั้งไว้ล่วงหน้า (ราคาทำกำไรหรือราคาตัดขาดทุน) เมื่อราคาสุดท้าย ราคายุติธรรมหรือราคาดัชนีแตะถึงราคาทริกเกอร์ที่ตั้งไว้ ระบบจะทำการปิดโพซิชั่นโดยอัตโนมัติในราคาที่ดีที่สุดตามที่ตั้งไว้และปริมาณที่กำหนดไว้ การดำเนินการนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ได้กำไรตามเป้าหมายหรือจำกัดการขาดทุน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปิดโพซิชั่นเพื่อรับกำไรที่ต้องการหรือหลีกเลี่ยงการขาดทุนที่ไม่จำเป็นได้เอง

คำสั่งสต็อปลิมิต (Stop Limit): คำสั่งสต็อปลิมิตคือคำสั่งที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้า โดยผู้ใช้สามารถกำหนดราคาตัดขาดทุน ราคาลิมิต และจำนวนการซื้อขายได้ เมื่อราคาสุดท้ายแตะระดับราคาตัดขาดทุน ระบบจะทำการส่งคำสั่งในราคาลิมิตโดยอัตโนมัติ

COIN-M: ฟิวเจอร์สแบบ COIN-M ที่ MEXC ให้บริการ คือสัญญาที่ใช้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นหลักประกันในรูปแบบสัญญาย้อนกลับ โดยที่คริปโตเคอร์เรนซีทำหน้าที่เป็นสกุลเงินหลัก ตัวอย่างเช่น ในฟิวเจอร์สแบบ COIN-M ที่ใช้ Bitcoin เป็นหลักประกัน Bitcoin จะถูกใช้เป็นเงินทุนเริ่มต้นและใช้ในการคำนวณกำไรขาดทุน

USDT-M: ฟิวเจอร์สแบบ USDT-M ที่ MEXC ให้บริการ คือสัญญาในรูปแบบเส้นตรง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ที่มีการอ้างอิงและชำระราคาใน USDT โดย USDT เป็นเหรียญเสถียรที่มีมูลค่าผูกกับดอลลาร์สหรัฐ


4. คำศัพท์ในพื้นที่เครื่องคำนวณฟิวเจอร์ส


กำไรขาดทุน (PNL): กรอกราคาที่คุณเปิดโพซิชั่น จำนวนสัญญาฟิวเจอร์สที่คุณถืออยู่ และตัวคูณเลเวอเรจ จากนั้นตั้งราคาปิดที่คุณคาดหวัง ระบบจะคำนวณกำไรขาดทุนสุดท้ายและอัตราผลตอบแทนให้โดยอัตโนมัติ

ราคาที่ต้องการ (Target Price): กรอกราคาที่คุณเปิดโพซิชั่น จำนวนสัญญาฟิวเจอร์ส และตัวคูณเลเวอเรจ แล้วตั้งค่าอัตราผลตอบแทนที่คุณต้องการ ระบบจะคำนวณราคาที่คุณควรปิดโพซิชั่นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย

ราคาบังคับปิดโพซิชั่น (Liquidation Price): กรอกราคาที่คุณเปิดโพซิชั่น จำนวนสัญญาฟิวเจอร์ส และตัวคูณเลเวอเรจ จากนั้นเลือกโหมดมาร์จิ้น (มาร์จิ้นร่วมหรือมาร์จิ้นแยก) เพื่อให้ระบบคำนวณราคาที่จะถูกบังคับปิดโพซิชั่นโดยอัตโนมัติ

จำนวนสัญญาสูงสุดที่เปิดได้ (Max Open): กรอกราคาที่คุณต้องการเปิดโพซิชั่น ตัวคูณเลเวอเรจ และจำนวนมาร์จิ้นที่คุณมีอยู่ เพื่อคำนวณจำนวนสัญญาฟิวเจอร์สสูงสุดที่คุณสามารถเปิดได้ทั้งฝั่ง Long และ Short

ราคาเข้า (Entry Price): หากคุณมีหลายโพซิชั่นฟิวเจอร์สในคู่เทรดเดียวกัน ให้กรอกราคาที่เปิดแต่ละโพซิชั่นพร้อมกับจำนวนสัญญาที่ถืออยู่ ระบบจะคำนวณราคาเข้าเฉลี่ยให้กับคุณ สำหรับใช้วางแผนการเทรดในคู่เทรดนั้น

ค่าธรรมเนียม (Funding Fee): กรอกราคายุติธรรม จำนวนโพซิชั่นที่ถือ และอัตราค่าธรรมเนียม (เช่น 0.01%) เพื่อคำนวณจำนวนค่าธรรมเนียมที่คุณต้องจ่ายหรือจะได้รับจากการถือโพซิชั่นในรอบนั้น

หมายเหตุ: ผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณด้วยเครื่องคำนวณฟิวเจอร์สเป็นเพียงข้อมูลสำหรับใช้อ้างอิงเท่านั้น โดยผลลัพธ์จริงในการเทรดจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดในขณะนั้นเป็นหลัก

สำหรับมือใหม่ ก่อนเริ่มต้นเทรดฟิวเจอร์สจริงเป็นครั้งแรก คุณสามารถฝึกใช้งานผ่านระบบเทรดเดโมฟิวเจอร์สของMEXC เพื่อทำความเข้าใจกับฟีเจอร์ต่าง ๆ และฝึกใช้เครื่องมืออย่างมั่นใจก่อนลงสนามจริง


5. คำศัพท์ในพื้นที่คำสั่งซื้อขายด้านล่างกราฟ K-line


5.1 เปิดโพซิชั่น (Open Position)


โพซิชั่น (Position): จำนวนสัญญาฟิวเจอร์สที่ผู้ใช้งานถืออยู่ในขณะนี้และยังไม่ได้ปิดโพซิชั่น

ราคาเข้าเฉลี่ย (Avg Entry Price): ราคาต้นทุนเฉลี่ยเมื่อผู้ใช้งานเปิดโพซิชั่น ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้เปิดโพซิชั่น Long จำนวน 100 สัญญาในฟิวเจอร์สแบบถาวร คู่ MX/USDT ที่ราคา 2 USDT และต่อมาเปิดเพิ่มอีก 100 สัญญาในทิศทางเดียวกันที่ราคา 2.1 USDT ราคาเข้าเฉลี่ยของผู้ใช้งานจะคำนวณได้ดังนี้: (2 × 100 + 2.1 × 100) / (100 + 100) = 2.05 USDT

ราคายุติธรรม (Fair Price): กลไกนี้ถูกนำมาใช้เพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของราคาที่ผิดปกติบนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง โดยราคายุติธรรมจะคำนวณจากการถ่วงน้ำหนักของข้อมูลราคาจากตลาดหลักหลายแห่ง เพื่อสะท้อนภาพรวมของราคาตลาดที่เป็นธรรมและแม่นยำยิ่งขึ้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคายุติธรรม สามารถอ่านได้จากบทความ "ราคาดัชนี ราคายุติธรรม และราคาสุดท้าย"

ราคาประมาณการบังคับปิดโพซิชั่น (Est. Liq Price): เมื่อราคายุติธรรมแตะถึงระดับราคาประมาณการบังคับปิดโพซิชั่น ระบบจะดำเนินการปิดโพซิชั่นของคุณโดยอัตโนมัติ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบังคับปิดโพซิชั่น สามารถดูได้จากบทความ "การบังคับปิดโพซิชั่น"


5.2 เปิดคำสั่งซื้อขาย (Open Order)


จำนวนที่สั่งซื้อและจำนวนที่จับคู่แล้ว (Amount and Filled Amount): "จำนวนที่สั่งซื้อ" คือปริมาณการซื้อขายที่ผู้ใช้งานกำหนดไว้ก่อนส่งคำสั่งซื้อขาย ในกรณีที่ผู้ใช้ส่งคำสั่งในปริมาณมาก คำสั่งมักจะถูกแบ่งออกเป็นคำสั่งย่อยหลายรายการ และจะถูกจับคู่ตามลำดับ "จำนวนที่จับคู่แล้ว" คือปริมาณที่ได้รับการซื้อขายจริง ณ เวลานั้น เมื่อ "จำนวนที่สั่งซื้อ" เท่ากับ "จำนวนที่จับคู่แล้ว" หมายความว่าคำสั่งซื้อขายนั้นถูกจับคู่สำเร็จทั้งหมดแล้ว

ราคาที่สั่งซื้อและราคาที่จับคู่แล้ว (Order Price and Filled Price): "ราคาที่สั่งซื้อ" คือราคาที่ผู้ใช้งานกรอกไว้ในขณะส่งคำสั่ง หากเลือกใช้คำสั่งลิมิต ราคาที่สั่งซื้อจะเป็นราคาที่ผู้ใช้กำหนดโดยตรง แต่หากเลือกใช้คำสั่งตลาด ราคาที่สั่งซื้อจะขึ้นอยู่กับผลการจับคู่จริงในตลาด ณ ขณะนั้น ในกรณีที่ผู้ใช้งานส่งคำสั่งในปริมาณมาก คำสั่งจะถูกแบ่งเป็นหลายคำสั่งย่อยและจับคู่ตามลำดับ ซึ่งจากความผันผวนของตลาด ราคาที่จับคู่ได้จริงในแต่ละคำสั่งอาจแตกต่างกันไป "ราคาที่จับคู่แล้ว" คือค่าเฉลี่ยของราคาจริงที่แต่ละคำสั่งย่อยได้รับการจับคู่


5.3 ประวัติโพซิชั่น (Position History)


ราคาเข้าเฉลี่ย (Avg Entry Price): ราคาต้นทุนเฉลี่ยในการเปิดโพซิชั่น

ราคาปิดเฉลี่ย (Avg Close Price): ราคาเฉลี่ยของโพซิชั่นทั้งหมดที่ถูกปิดไปแล้ว

กำไรขาดทุนที่รับรู้แล้ว (Realized PNL): กำไรหรือขาดทุนจริงที่เกิดขึ้นจากโพซิชั่นนั้น รวมถึงค่าธรรมเนียมการเทรด, ค่าธรรมเนียมระหว่างผู้ถือโพซิชั่น และกำไรขาดทุนจากการปิดโพซิชั่น (ไม่รวมส่วนของค่าธรรมเนียมที่ใช้คูปองหรือ MX ชำระแทน)


5.4 กระเป๋าเงิน (Wallet)


มูลค่ารวมทั้งหมด (Total Equity): เท่ากับ ยอดคงเหลือในกระเป๋าเงิน + กำไรขาดทุนที่ยังไม่รับรู้

ยอดคงเหลือในกระเป๋าเงิน (Wallet Balance): เท่ากับ ยอดโอนเข้า - ยอดโอนออก + กำไรขาดทุนที่รับรู้แล้ว


การทำความเข้าใจกับคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเทรดฟิวเจอร์สเป็นเพียงก้าวแรกของการเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือฟิวเจอร์สเท่านั้น ขั้นตอนต่อไปคือการฝึกฝนและเก็บประสบการณ์จริงจากการเทรด ก่อนเริ่มต้นเทรดฟิวเจอร์สจริง คุณสามารถฝึกใช้งานผ่านแพลตฟอร์มเดโมฟิวเจอร์ส MEXC เพื่อทำความคุ้นเคยกับระบบและฟังก์ชันต่าง ๆ เมื่อคุณมีความชำนาญมากพอ จึงค่อยก้าวเข้าสู่การเทรดฟิวเจอร์สจริงได้อย่างมั่นใจ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหานี้มิได้เป็นคำแนะนำด้านการลงทุน ภาษี กฎหมาย การเงิน การบัญชี ที่ปรึกษา หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด อีกทั้งไม่ได้เป็นการแนะนำให้ซื้อ ขาย หรือถือครองสินทรัพย์ใด ๆ ทั้งสิ้น เรียนรู้ MEXC จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลประกอบการศึกษาเท่านั้น มิได้เป็นคำแนะนำในการลงทุนในรูปแบบใด กรุณาศึกษาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน การตัดสินใจลงทุนทั้งหมดถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ใช้งานแต่เพียงผู้เดียว และไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับแพลตฟอร์ม