เดือนกรกฎาคม 2025 เต็มไปด้วยเหตุการณ์เศรษฐกิจระดับโลกที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สัญญาณนโยบายจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ข้อมูลเงินเฟ้อและการจ้างงาน การเปิดเผยตัวเลข GDP ของจีน รวมถึงการเริ่มใช้กฎระเบียบสเตเบิลคอยน์อย่างเป็นทางการของสหภาพยุโรป ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบไม่เพียงแต่ต่อตลาดการเงินแบบดั้งเดิม แต่ยังรวมถึงความเคลื่อนไหวของราคาคริปโตหลักอย่าง Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH)
สำหรับนักลงทุนคริปโต ช่วงเวลานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสข่าวมหภาคธรรมดา แต่เป็นช่วงเวลาชี้ทิศทางสำคัญที่ควรประเมินแนวโน้มตลาด และวางกลยุทธ์การเทรดอย่างรอบคอบ บทความนี้จะรวบรวมเหตุการณ์เศรษฐกิจโลกที่น่าจับตาในเดือนกรกฎาคม พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดคริปโต เพื่อช่วยให้นักเทรดวางแผนการเดินเกมได้อย่างมั่นใจตลอดเดือนนี้
วันที่ | อีเวนต์ | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น |
3 กรกฏาคม | U.S. มิถุนายน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร | ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ความคาดหวังเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง ความผันผวนของ BTC ระยะสั้น |
10 กรกฏาคม | คำให้การต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด พาวเวลล์ | สัญญาณผ่อนคลายทางการเงินที่เป็นไปได้ ความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้น |
15 กรกฏาคม | ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI), ตัวเลข GDP เบื้องต้นของจีน ไตรมาส 2 | แนวโน้มเงินเฟ้อและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอาจส่งผลต่อทิศทางของตลาดคริปโต |
24 กรกฏาคม | การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป | การปรับราคาใหม่ของสินทรัพย์ยูโรและภาวะความเสี่ยงของตลาดอาจส่งผลกระทบต่อคริปโต |
30 กรกฏาคม | ตัวเลข GDP เบื้องต้นของสหรัฐฯ ไตรมาส 2 | การตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานมหภาค อาจนำไปสู่ความผันผวนที่รุนแรงขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐและ BTC |
31 กรกฏาคม | การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของ FOMC, การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น | การปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และแรงกระเพื่อมที่ส่งผลต่อภูมิภาคเอเชีย |
ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป (ทยอยดำเนินการ) | ข้อบังคับสเตเบิลคอยน์ EU MiCA มีผลบังคับใช้ | การปรับโครงสร้างสภาพคล่องของสเตเบิลคอยน์ครั้งใหญ่ และความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำบนเชนระหว่าง USDT และ USDC |
ธนาคารกลางสหรัฐมีกำหนดประกาศอัตราดอกเบี้ยล่าสุดในวันที่ 31 กรกฎาคม โดยก่อนหน้านั้น ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล จะกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในวันที่ 10 กรกฎาคม ตามมาด้วยการเปิดเผยข้อมูล CPI และ PPI สำคัญในวันที่ 15 กรกฎาคม เหตุการณ์เหล่านี้จะช่วยให้ตลาดได้เบาะแสใหม่ว่ามีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนหรือไม่
หากเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายทางนโยบาย การลงทุนในคริปโต โดยเฉพาะ BTC และ ETH อาจได้รับอานิสงส์จากกระแสการเก็งกำไรเชิงผ่อนคลายอีกครั้ง แต่หากข้อมูลเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่ง และแนวโน้มลดดอกเบี้ยถูกเลื่อนออกไป ตลาดอาจเผชิญแรงกดดันในการปรับราคาใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การย่อตัวระยะสั้นของราคาคริปโต
ธนาคารกลางยุโรปมีกำหนดประกาศการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยล่าสุดในวันที่ 24 กรกฎาคม ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะจัดการประชุมนโยบายช่วงสิ้นเดือน หากธนาคารกลางสหรัฐยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้หรือชะลอการปรับลดอัตรา การผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่องโดย ECB อาจนำไปสู่การรวมศูนย์สภาพคล่องของเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อกระแสเงินทุนข้ามพรมแดนเข้าสู่ตลาดคริปโต ในขณะเดียวกัน หากญี่ปุ่นยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างสุดขีด อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในพลวัตของอาร์บิทราจระดับภูมิภาคในตลาดเอเชีย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างกระแสเงินทุนภายในบางระบบนิเวศของ DeFi
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป สหภาพยุโรปจะเริ่มบังคับใช้กฎระเบียบ MiCA (Markets in Crypto-Assets) อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเพิ่มข้อจำกัดต่อสเตเบิลคอยน์ ที่ไม่ได้อิงเงินยูโร เช่น USDT และ USDC โดยเฉพาะในด้านการใช้งานเพื่อซื้อขายและหมุนเวียนในตลาดยุโรป
แม้ MiCA จะเน้นเรื่องการปฏิบัติตามกฎของการเงินแบบดั้งเดิมเป็นหลัก แต่ผลกระทบที่ตามมาอาจส่งผลต่อโครงสร้างสภาพคล่องบนบล็อกเชน โดยแพลตฟอร์มซื้อขายอาจต้องปรับโครงสร้างคู่เทรดใหม่ และโปรโตคอลบนเชนอาจต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชั่วคราวของปริมาณและอิทธิพลของ USDT และ USDC แนะนำให้นักเทรดติดตามกิจกรรมการสร้าง/เบิร์นเหรียญ การเปลี่ยนแปลงของพูลสภาพคล่อง และความเคลื่อนไหวของบริดจ์ข้ามเชนอย่างใกล้ชิด
ในวันที่ 15 กรกฎาคม จีนจะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ตามด้วยดัชนีสำคัญอื่น ๆ เช่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดสินเชื่อทางสังคมรวม และดัชนี PMI แม้ว่าจีนจะไม่ใช่ศูนย์กลางหลักของการซื้อขายคริปโต แต่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนสามารถส่งผลทางอ้อมต่อความต้องการความเสี่ยงและกระแสเงินทุนทั่วโลกได้
หากข้อมูลบ่งชี้ถึงความอ่อนแออย่างชัดเจน ก็อาจตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งเก็บมูลค่าที่ปลอดภัย เช่น BTC ซึ่งไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาล ในทางตรงกันข้าม หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาด อาจทำให้ความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวชั่วคราว และส่งผลให้ตลาดโดยรวมรวมถึงตลาดคริปโตฟื้นตัวตามไปด้วย
แนวโน้มการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางยุโรปจะส่งผลโดยตรงต่อกระแสสภาพคล่องของดอลลาร์และมูลค่าของสินทรัพย์เสี่ยง หากเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมเดือนกรกฎาคม ตลาดอาจปรับความคาดหวังใหม่เกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบาย ส่งผลให้คริปโตหลักอย่าง BTC และ ETH มีแรงหนุนขาขึ้น
MiCA ถือเป็นกรอบกฎหมายฉบับแรกของโลกที่ควบคุมสเตเบิลคอยน์ โดยการบังคับใช้จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการหมุนเวียนของ USDT, USDC และสเตเบิลคอยน์อื่น ๆ ในตลาดยุโรป ส่งผลต่อการจัดสรรเงินทุนทั้งในระบบ CeFi และ DeFi และอาจทำให้เกิดความผันผวนหรือการหดตัวของสภาพคล่องบนเชนในระยะสั้น
ตั้งแต่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและดัชนี CPI ของสหรัฐฯ ไปจนถึง GDP ของจีน ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญของแนวคิด "ลงจอดอย่างนุ่มนวล" ของตลาด หากผลลัพธ์เบี่ยงเบนจากที่คาดไว้ อาจกระตุ้นความผันผวนอย่างรุนแรงในระยะสั้น และเพิ่มแรงปะทะกันระหว่างฝั่งกระทิงและฝั่งหมี
จับตาการตอบสนองของตลาดทั้งก่อนและหลังการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคหรือการเปลี่ยนนโยบายสำคัญ และหลีกเลี่ยงการไล่ซื้อในช่วงตลาดพุ่งหรือเทขายด้วยอารมณ์ในช่วงที่ตลาดเหวี่ยงระยะสั้น นักเทรดยังสามารถใช้คำสั่งแบบทริกเกอร์ล่วงหน้าเพื่อวางสถานะใกล้ระดับแนวรับหรือแนวต้าน โดยตั้งคำสั่งชอร์ตใกล้แนวรับ หรือคำสั่งลองใกล้แนวต้าน เพื่อหวังจับจังหวะเบรกเอาต์ วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการเทรดด้วยอารมณ์ในช่วงผันผวน และช่วยให้เปิดสถานะได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นพร้อมควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น
ด้วยสองช่วงเวลาสำคัญของเหตุการณ์เศรษฐกิจมหภาคที่กำลังจะมาถึง ได้แก่ วันที่ 15 กรกฎาคม (ดัชนี CPI สหรัฐฯ, GDP จีน) และวันที่ 31 กรกฎาคม (การตัดสินใจของ FOMC, GDP ยูโรโซน, และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น) ความผันผวนในตลาดมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงเวลาดังกล่าว แนะนำให้นักเทรดลดเลเวอเรจ ลงอย่างเหมาะสม พร้อมกำหนดระดับทำกำไรและจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนตามต้นทุนการเข้าซื้อ เพื่อช่วยล็อกกำไรหรือจำกัดการขาดทุนได้ทันเวลา และหลีกเลี่ยงการถือสถานะเสี่ยงสูงแบบลงหมดตักที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันสถานการณ์
เคล็ดลับกลยุทธ์การตั้งจุดตัดขาดทุนและทำกำไร:
ทำกำไร: ตั้งราคาปิดอัตโนมัติตามระดับเป้าหมายของคุณหรือจุดสูงสุดล่าสุด เพื่อรักษากำไรไว้ในช่วงที่ราคาผันผวน
ตัดขาดทุน: ใช้ระดับแนวรับสำคัญหรือเปอร์เซ็นต์การขาดทุนที่คุณยอมรับได้เป็นเกณฑ์ เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลงและหลีกเลี่ยงการขาดทุนที่ควบคุมไม่ได้
นักเทรดมือใหม่หลายคนมักถือสถานะขาดทุนไว้นาน หวังว่าตลาดจะกลับมา แต่การฟื้นตัวจากการขาดทุนไม่ใช่กระบวนการที่เป็นเส้นตรง — ยิ่งราคาตกลงลึกเท่าไร ยิ่งต้องการอัตราเพิ่มขึ้นที่สูงขึ้นเพื่อกลับมาที่จุดคุ้มทุน:
เปอร์เซ็นต์ที่ลดลง | อัตราการฟื้นตัวที่ต้องการเพื่อกลับมาคุ้มทุน |
10% | 11% |
20% | 25% |
50% | 100% |
ดังนั้น เมื่อขาดทุนสะสมมากขึ้น แม้ตลาดจะฟื้นตัวในภายหลัง ก็จะต้องใช้เวลานานและความผันผวนของราคาที่มากขึ้นเพื่อกลับมาคุ้มทุน จุดประสงค์หลักของการตั้งจุดตัดขาดทุนไม่ใช่เพื่อยอมแพ้ แต่เพื่อรักษาทุน หลีกเลี่ยงความเสียหายรุนแรง และรอโอกาสที่เหมาะสมครั้งต่อไป
ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของการออก USDT แนวโน้มการถือครอง USDC และกิจกรรมการซื้อขายของคู่เหรียญหลักใน DEX เพื่อประเมินว่าสภาพคล่องกำลังไหลไปยังเชนหรือสินทรัพย์ประเภทใดหรือไม่
เดือนกรกฎาคมมาพร้อมกับข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคและสัญญาณนโยบายที่หนาแน่น ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ในสภาวะแบบนี้ การมีกรอบการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจนและกลยุทธ์การเทรดที่ยืดหยุ่นย่อมสำคัญกว่าการพยายามคาดเดาทุกความเคลื่อนไหว การรักษาความยืดหยุ่นของสถานะการเทรด การวิเคราะห์สัญญาณเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ และการติดตามเทรนด์เล็ก ๆ บนเชน คือหลักสำคัญในการอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนสูง
ขณะเดียวกัน การเลือกแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือการวิเคราะห์ระดับมืออาชีพ การลิสต์โทเคนที่รวดเร็ว และสภาพคล่องที่แข็งแกร่งก็มีความสำคัญเช่นกัน MEXC ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รองรับโทเคนมากกว่า 2,800 รายการ และครอบคลุมเนื้อหากระแสร้อนอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้ผู้ใช้งานคว้าโอกาสได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในสภาพตลาดที่ซับซ้อน
คำจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหานี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน ภาษี กฎหมาย การเงิน การบัญชี ที่ปรึกษา หรือบริการอื่นใด และไม่ใช่ข้อเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือสินทรัพย์ใด ๆ ทั้งสิ้น MEXC Learn จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน กรุณาศึกษาความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนทุกรูปแบบอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของผู้ใช้งานแต่เพียงผู้เดียว